TikTok โซเชียลมีเดียที่เปิดตัวใช้งาน เมื่อปี 2016 ปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 1,000 ล้านคน จนกลายเป็นแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ แต่ว่าข่าวใหญ่สำหรับการส่อถูกแบน
นับเป็นการสั่นสะเทือนวงการ Social Media แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ติ๊กต็อก ตกเป็นเป้าสายตา บทความนี้มีคำตอบให้คุณ ว่าทำไม United States of America รวมถึงประเทศอื่น ๆ ถึงจะแบนแอปพลิเคชันนี้
จุดเริ่มต้น TikTok แอปพลิเคชันให้ความบันเทิง
ว่าด้วยจุดเริ่มต้นของแอปมือถือ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งาน สามารถสร้างสรรค์วิดีโอสั้น ได้อย่างหลากหลาย ได้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2559 หรือเมื่อ 7 ปีที่แล้ว เป็นแพลตฟอร์มที่เอาไว้ลง Video ขนาดสั้น ด้วยความยาวไม่เกิน 60 วินาที ช่วงแรกจะเน้นไปที่คลิปตลกขบขัน หรือสาระความรู้
อีกทั้งยังพัฒนามาจาก Applications ที่มีชื่อว่า “ Douyin ” จากบริษัทแม่ ByteDance ที่ตั้งอยู่ ณ ประเทศจีน ด้วยรูปแบบของอัลกอริทึม ทำให้โดนใจคนรุ่นใหม่ Gen Z อีกทั้งปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้น จากสาเหตุการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา
โดยกลุ่มที่ใช้งาน จะอายุราว ๆ 18 - 34 ปี ครองสัดส่วนผู้ใช้งานมากกว่า 96% นอกจากนี้ ในเดือนเมษายน ปี 2020 มียอดดาวน์โหลดบนมือถือ พุ่งทะลุสูงถึง 2,000 ล้านครั้งทั่วโลก ต่อมาในปี 2021 กลายเป็นแพลตฟอร์ม ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แซงหน้า Google อย่างรวดเร็ว [1]
สาเหตุ TikTok ถูกแบนใน United States
ในส่วนของสาเหตุที่ทาง United States มีความประสงค์จะแบน นั่นก็เพราะ ส.ส. สหรัฐมีความกังวลว่า TikTok ซึ่งมีบริษัทแม่อย่าง ByteDance อาจจะลักลอบส่งข้อมูล ของ American Users ให้ยังรัฐบาลปักกิ่ง
อีกทั้งยังเกรงกลัวว่า รัฐบาลปักกิ่งอาจเข้าถึงข้อมูล ที่เป็นรายละเอียดอ่อนต่าง ๆ ได้ รวมไปถึงยังกังวลในส่วนของ แพลตฟอร์มนี้อาจมีการโฆษณา ให้ผู้ใช้งานชาวอเมริกัน เชื่อถือพรรคคอมมิวนิสต์จีน [2]
บุคคลในสหรัฐที่ต้องการแบนติ๊กต็อก ?
สำหรับบุคคลที่ต้องการแบน และได้กดดันให้ออก Draft Law นั่นก็คือ “ สภาล่าง ” กับ “ สภาสูง ” ฝ่ายนิติบัญญัติของทาง United States เว้นแต่บริษัทแม่ ByteDance จะยอมตกลงขาย Applications ที่มีจำนวนผู้ใช้งาน ชาวอเมริกันกว่า 170 ล้านคน ให้กับบริษัทอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สัญชาติจีน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทางการอเมริกัน พุ่งเป้าไปที่ติ๊กต็อก
เมื่อปี 2020 อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เคยพยายามแบนมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ในปี 2024 โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาวิจารณ์ร่างกฎหมายใหม่ โดยให้เหตุผลของการแบนว่า การจำกัดใช้งาน อาจจะเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อ Facebook มากกว่า เรื่องของการกลัวข้อมูล American Users ถูกส่งให้รัฐบาลปักกิ่ง [3]
ร่างกฎหมายแบน TikTok ในสหรัฐอเมริกา
ว่าด้วยประเด็นการแบนติ๊กต็อก ได้รับการพูดถึงเป็นครั้งแรก เมื่อสมัยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จนนำไปสู่คำสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐ ทำการลบ TikTok ออกจากเครื่อง และล่าสุดประเด็นนี้ ส่งผลไปสู่การ Draft Law เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร
ด้วยร่างกฎหมายฉบับนี้ ผ่านการลงมติเพียง 4 วันเท่านั้น จนมีผลบังคับใช้ในอีกไม่ช้า เมื่อร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่าน อาจจะถูกบังคับให้ขายกิจการ ที่รัฐบาลสหรัฐเห็นชอบภายใน 180 วัน ไม่เช่นนั้น แอปพลิเคชันจะถูกระงับการใช้งาน [4]
จะเกิดอะไรขึ้นต่อ หากบังคับใช้กฎหมาย ?
หาก Draft Law ฉบับนี้ผ่าน จะส่งผลให้การเผยแพร่แอปพลิเคชัน ที่พัฒนาโดยบริษัทแม่ ByteDance, บริษัทในเครือ รวมถึงบริษัทอื่น ๆ อาจถูกทางสหรัฐมองว่าเป็นคู่แข่งขัน ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ยกเว้นแต่ บริษัทติ๊กต็อกจะยอมขายกิจการ หรือทำการแยกตัวออกจากบริษัทแม่ของจีน ภายในระยะเวลา 180 วัน
หากไม่ดำเนินการ อาจจะต้องถูกถอดออกจาก App Store, Play Store และ Google หากฝ่าฝืน อาจเผชิญโทษปรับสูงสุด 5,000 ดอลลาร์ ต่อจำนวนผู้ใช้งานแอป 1 คน หากใครที่ยังไม่รู้ว่า ใครเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มนี้ แล้วติ๊กต็อกมันใช้งานอย่างไร สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ BBC NEWS
ตัวเลือกอื่นของชาวติ๊กต็อกเกอร์
สำหรับหัวข้อส่งท้ายนี้ เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย หากถูกแบนจนใช้งานใน United States ไม่ได้ เหล่าบรรดาติ๊กต็อกเกอร์ทั้งหลาย จะพากันอพยพไปแพลตฟอร์มไหน โดยนอกจากติ๊กต็อกแล้ว ตอนนี้มี Facebook, Instagram, X, YouTube เป็นต้น เหล่านี้ต่างก็มีฟีเจอร์คลิปวิดีโอสั้น แบบเดียวกันกับติ๊กต็อก
แต่หลายคนต่างคิดเหมือนกันว่า อัลกอริทึมของติ๊กต็อก ค่อนข้างน่าสนใจ และน่าใช้งานมากกว่า ขณะนี้มีผู้ใช้งานบางส่วน เริ่มเตรียมตัวรับมือ อาทิเช่น การติดตามครีเอเตอร์ที่ชื่นชอบ ผ่านแพลตฟอร์มอื่น ๆ บางคนถึงกับโพสต์คลิปวิดีโออำลาล่วงหน้า หาก Applications ถูกแบนการใช้งานจริงจัง
สรุป TikTok ศูนย์กลางสำหรับรับชมความบันเทิง
สถานการณ์ตอนนี้ เกี่ยวกับการระงับไม่ให้ใช้งาน กำลังเข้มข้นเลยทีเดียว โดยทางการสหรัฐ ได้ขีดเส้นตายเอาไว้แล้ว อีกทั้งยังสนับสนุนทุน 95,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือต่างประเทศ ให้ผ่านร่างกฎหมายการแบน สถานการณ์ครั้งนี้จะเป็นอย่างไร มารอลุ้นไปพร้อม ๆ กัน
อ้างอิง
[1] WIKIPEDIA. (May 29, 2024). TikTok. Retrieved from en.wikipedia
[2] กรุงเทพธุรกิจ. (March 16, 2024). สรุปปมปัญหา ‘Tiktok’ ทำไมสหรัฐต้องบีบจีนขายหุ้นและขอซื้อเอง. Retrieved from bangkokbiznews
[3] Thai PBS. (April 24, 2024). เรารู้อะไรบ้างจากร่างกฎหมายแบน TikTok ของสหรัฐฯ. Retrieved from thaipbs
[4] POST TODAY. (April 25, 2024). ทำไมสหรัฐฯจึงจะแบน Tiktok กับความหวังที่อาจมาพร้อมการเลือกตั้ง?. Retrieved from posttoday
