เสื้อวินเทจ Oversize ยิ่งเก่ายิ่งราคาแพง

เสื้อวินเทจ Oversize กระแสแฟชั่นย้อนยุคที่มาแรงไม่แผ่ว การสะสมเสื้อเป็นความนิยมของดารา นักร้อง ศิลปิน และบุคคลทั่วไป ราคาสินค้าขึ้นอยู่กับกระแสนิยม และจำนวนที่เหลือน้อย หากอยากเข้าสู่วงการนี้ แนะนำให้เรียนรู้การดูเสื้อวินเทจของแท้ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

เสื้อวินเทจ คืออะไร

คำว่า “วินเทจ” แปลว่าเก่า เสื้อวินเทจ [1] จึงมีความหมายโดยรวมว่าเสื้อเก่า กระแสนิยมของเสื้อวินเทจ เป็นการนำเสื้อเก่าที่มีอายุมากกว่า 20 ปี มีทั้งเสื้อมือหนึ่งที่ตกยุคไปแล้วและเสื้อมือ 2 ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว และมีสภาพที่ดีเหมาะกับการนำมาสวมใส่อยู่

ปัจจุบันสินค้าวินเทจเป็นกระแสสำหรับคนยุคใหม่บางกลุ่ม ด้วยการออกแบบที่แหวกแนว และสินค้าบางชนิดไม่มีให้เห็นในปัจจุบัน จึงเป็นเหตุผลที่นักสะสมมองเห็นความพิเศษของสินค้าเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ของเครื่องใช้ อุปกรณ์ตกแต่ง และงานจิตรกรรม ก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน

ราคาเสื้อและแหล่งซื้อขาย

• เสื้อวินเทจมีราคาเริ่มต้นประมาณ 700 - 2,325 บาทในเว็บไซต์ Wak Thailand [2] โดยมีหมวดหมู่ให้เลือกซื้อสินค้าทั้งหมด 4 หมวดหมู่ คือ เสื้อวินเทจ หมวก CAP กระเป๋า และเสื้อมัดย้อม

ทำไม เสื้อวินเทจ Oversize ถึงมีราคาแพง?

สาเหตุที่ เสื้อวินเทจ Oversize มีราคาสูง เพราะเสื้อบางตัวผลิตขึ้นตั้งแต่ ยุค 80s ซึ่งมีจำนวนที่เหลือน้อยและหายาก มีการเย็บและวัสดุที่แตกต่างจากการเย็บผ้าในปัจจุบัน บางตัวมีการเย็บที่ประณีตและใช้งานได้นาน ถึงแม้เวลาจะผ่านไปมากกว่า 20 ปี แต่เสื้อบางตัวก็ยังคงลวดลาย และมีเนื้อผ้าที่ยังดี หากเป็นเสื้อที่เป็นลวดลายของนักดนตรีระดับตำนานก็จะมีมูลค่าที่สูงขึ้นไปอีก

ยกตัวอย่างเสื้อที่กำลังเป็นกระแสนิยมในตอนนี้คือ เสื้อ Monsters of Rock 1988 สาเหตุที่กลายเป็นเสื้อที่ใครหลายคนต่างออกมาตามหานั้น เป็นเพราะว่านักร้องชื่อดังอย่าง ลิซ่า BLACKPINK ได้ใส่ออกงานคอนเสิร์ตที่สหรัฐอเมริกา ทำให้ราคาเสื้อพุ่งสูงขึ้นทันที

เสื้อวินเทจบางตัวเหลืออยู่ไม่มาก เป็นเอกลักษณ์ของการใส่เสื้อที่ไม่ซ้ำใคร แถมยังมีคุณค่าทางจิตใจหากเป็นลวดลายของศิลปินที่เราชื่นชอบ สำหรับคนที่มีความชอบ ต่อให้เสื้อจะมีราคาแพงแค่ไหนก็สามารถจ่ายได้แบบไม่เสียดายเงิน ซึ่งเป็นสิ่งที่คนภายนอกอาจจะมองว่าไม่คุ้มค่า ซึ่งเป็นความชอบส่วนบุคคลที่ไม่ควรมาถกเถียงกันให้เป็นประเด็น

เสื้อวินเทจ Oversize กับลายยอดนิยม

เสื้อวินเทจ Oversize มีลวดลายที่บ่งชี้ถึงความชอบในด้านต่างๆ เช่น ตัวการ์ตูน ศิลปิน ดารา นักร้อง แบรนด์ดัง และภาพยนตร์ เป็นต้น เป็นการบันทึกเรื่องราวไว้บนเสื้อ เพื่อระลึกถึงความทรงจำที่ดีที่ผ่านมา ซึ่งลวดลายที่ได้รับความสนใจมาตลอดไม่เคยเปลี่ยน มีดังนี้

1. รูปคนดัง

เสื้อที่มีรูปหน้าของดารา คนดัง นักร้อง เช่น เสื้อลาย Marilyn Monroe, เสื้อลาย Marilyn Manson, เสื้อลาย 2PAC เป็นลายเสื้อที่คนที่เกิดในยุค 90 จะคุ้นเคยกันดี

2. รูปวงดนตรี

สายนักดนตรีกับเสื้อวินเทจเป็นของคู่กัน เป็นอีก 1 ในการบันทึกเรื่องราวไว้ที่ดี สำหรับเสื้อวินเทจวงดนตรียอดฮิต คงต้องนึกถึง เสื้อวง Pink Floyd, เสื้อวินเทจ Nirvana และเสื้อวง Iron Maiden เป็นวงดังจากต่างประเทศระดับตำนาน

3. รูปแบรนด์ดัง

เสื้อจากแบรนด์ดังเป็นกระนิยมในการออกแบบเสื้อในสมัยก่อน ด้วยตัวแบรนด์ที่ตีตลาดอยู่แล้ว บวกกับการออกแบบที่สวยงาม ยกตัวอย่างเช่น Stussy ของ Nike, Harley Davidson และ Ford ส่วนแบรนด์รองเท้าจะเป็น Adidas และ VANS เป็นต้น

4. รูปการ์ตูน

เสื้อวินเทจลายการ์ตูนที่เป็นกระแสนิยม มักจะเป็นการ์ตูนที่มีการออกอากาศทางโทรทัศน์ เนื่องจากมีคนดูที่ชื่นชอบเยอะ ยกตัวอย่างเช่น เสื้อลาย Betty Boop, เสื้อลาย Looney Tunes และเสื้อลาย Marve

5. รูปภาพยนตร์

เสื้อวินเทจลายภาพยนตร์ ที่เป็นกระแสนิยม มักจะมีความเกี่ยวข้องกับเรตติ้งของภาพยนตร์ในเรื่องนั้นประกอบด้วย เช่น เสื้อลาย Spider Man, เสื้อลาย Harry Potter และเสื้อ Forrest Gump เป็นต้น

ที่มา : เสื้อวินเทจคืออะไร ทำไมราคาแพง [3]

การเลือก เสื้อวินเทจ Oversize ที่ถูกต้อง

หากเราอยากลองนำเสื้อวินเทจมาลองใส่สักตัว สิ่งหนึ่งที่ควรรู้คือการเลือกเสื้อวินเทจ เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ และได้เสื้อที่มีคุณภาพ บุคคลที่กำลังก้าวเข้าสู่วงการนี้ ลองมาศึกษาวิธีการเลือกเสื้อ ดังนี้

1. ลายสกรีน 

ลายสกรีนบนเสื้อ บ่งบอกถึงความนิยม และเทรนด์ที่มาแรงในแต่ละยุค ความนิยมในตลาดนี้จะแบ่งออกเป็นความชอบของคนหลายกลุ่ม เช่น โลโก้สินค้า, วงดนตรี, มอเตอร์ไซค์, ภาพยนตร์, ธรรมชาติ และการ์ตูน แม้ในเสื้อที่เป็นลายประเภทเดียวกัน แต่บางตัวกลับมีราคาที่สูงกว่า

2. การเย็บตะเข็บเสื้อ

ในยุคทศวรรษที่ 60 - 70 เสื้อวินเทจมักจะเป็นเสื้อที่เย็บตะเข็บเดี่ยว โดยการเย็บตะเข็บเดี่ยวเป็นการใช้ด้ายเส้นเดียว จะเย็บบริเวณชายเสื้อ แต่ทั้งนี้หากจะสังเกตเพียงการเย็บตะเข็บอย่างเดียวก็คงไม่ได้ เพราะเสื้อบางตัวที่เย็บด้วยตะเข็บเดี่ยวก็ไม่ได้เป็นเสื้อวินเทจ ส่วนเสื้อที่เย็บด้วยตะเข็บคู่ที่เป็นเสื้อวินเทจก็มี

3. สังเกตป้ายคอเสื้อ (TAG)

การดูป้ายคอเสื้อเป็นเรื่องที่พลาดไม่ได้ เพราะเสื้อจากแบรนด์ต่างๆ มักจะมีการเปลี่ยนดีไซน์ของป้ายตามระยะเวลาที่ผ่านไป การสังเกตป้ายจึงบอกได้ว่าเสื้อตัวนั้นผลิตขึ้นมาในปีใด หรือช่วงเวลาไหน

4. ความหนา-บางของผ้า

เสื้อวินเทจมีความพิเศษตรงที่เนื้อผ้า ซึ่งมีส่วนประกอบของผ้าคอตตอน 50% และผ้าโพลีเอสเตอร์ 50% ผ้าชนิดนี้เมื่อเวลาผ่านไปผ้าส่วนที่เป็นโพลีเอสเตอร์จะสลายไป และเหลือไว้เพียงส่วนที่เป็นผ้าคอตตอน ทำให้ผ้าบางลงและเป็นที่ต้องการของตลาดสูง แต่ผ้าทั่วไปในปัจจุบันจะเป็นผ้าคอตตอน 100% 

5. สังเกตของแท้-ของปลอม

การสังเกตของแท้และของปลอมของเสื้อแต่ละรุ่นจะมีลักลักษณะที่แตกต่างกันออกไป จำเป็นที่จะต้องนำการดูเนื้อผ้า 4 ข้อก่อนหน้านี้มาใช้ร่วมกัน ยกตัวอย่างการสังเกตเสื้อวินเทจแท้ของ เสื้อทัวร์ ดังนี้

• เสื้อทัวร์: มักจะขายกันตามหน้างานคอนเสิร์ต เสื้อลิขสิทธิ์แท้จะมีการตอกปีไว้เสมอ และมีสัญลักษณ์ copy right แต่ก็มีบางตัวที่ไม่ได้มีการตอกปี ควรนำการสังเกตเสื้อวินเทจมาใช้ร่วมด้วย

ที่มา : แนะนำวิธีเลือกเสื้อผ้าวินเทจ [4]

สรุป เสื้อวินเทจ Oversize

เสื้อวินเทจ Oversize เป็นเสื้อที่นิยมซื้อกันเฉพาะกลุ่ม หลายคนหันมาทำเป็นอาชีพ เป็นผ้าที่มีอายุมากกว่า 20 ปี มีสภาพที่ยังใช้งานได้และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะไม่ซ้ำใคร สิ่งที่ควรระวังสำหรับมือใหม่ คือการเผลอไปซื้อเสื้อที่ปลอมจากมิจฉาชีพ

อ้างอิง

[1] วิกิพีเดีย. (April 6, 2019). การแต่งกายวินเทจ. Retrieved from th.wikipedia

[2] Wak Thailand. (April 13, 2020). เสื้อยืดวินเทจ ลิขสิทธิ์แท้100%. Retrieved from wakthailand

[3] Thairath. (November 28, 2023). เสื้อวินเทจคืออะไร ทำไมราคาแพง. Retrieved from thairath

[4] Maytaporn. (2024). แนะนำวิธีเลือกเสื้อผ้าวินเทจ. Retrieved from maytaporn