หยกพม่า หรือ Jadeite (เจไดต์) เป็นแร่ธาตุหายาก ในตระกูลของ pyroxene และเป็นหนึ่งในสองแร่ ที่ถูกเรียกว่า “หยก” ซึ่งอีกหนึ่งอันคือ Nephrite ซึ่งเป็นแร่ที่มาจากเมียนมา เช่นเดียวกับ Painite แร่หากยาก ที่เคยถูก Guinness World บันทึกไว้
โดยหยกเจไดต์สามารถสร้างเม็ดเงิน เข้าสู่ประเทศ ได้มากถึง 30 พันดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งด้วยเหตุใด ที่ทำให้หยกจากพม่า มีมูลค่าสูงมากๆ และเป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะในประเทศจีน เราไปศึกษาประวัติ ข้อมูลเฉพาะ คุณสมบัติ ราคา และอื่นๆ จากเนื้อหาด้านล่างได้เลย
การเกิดขึ้นของ หยกพม่า แร่น้ำดีจากเมียนมา
หยกพม่า ส่วนใหญ่เกิดขึ้น ในหินแปร ที่มีความดันอากาศสูง เช่น Serpentinite เกิดขึ้นเมื่อเปลือกโลกมุดตัว ลึกประมาณ 30-40 กม. ประกอบด้วย โซเดียมอะลูมิเนียม และซิลิเกต พบได้พร้อมแร่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น albite, garnet หรือ omphacite ซึ่งการเกิดแร่พวกนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้หยก มีสีพร้อมลวดลายที่หลากหลาย [1]
ประวัติ หยกพม่า แร่ที่ถูกใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณ
ชื่อเสียงของ หยกพม่า และเนไฟร์ต ไม่ใช่เพิ่งโด่งดังในปัจจุบัน เพราะแร่เหล่านี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวัตถุโบราณ ที่มีการพบเจอ และนำมาใช้งานราว 4,000 ปีก่อน ซึ่งชาวมายา, โอลเมคส์, แอซเท็ก ของชาว Meso-America มักนำแร่นี้ ไปทำวัตถุพิธีกรรม อาวุธ รวมไปถึงเครื่องประดับ [2]
นอกจากนี้ ทั้งชาวจีนและชาว Meso-American ยังยกให้หยกเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่จากแค่คุณสมบัติอย่างเดียว แต่พวกเขายังเชื่อว่า หยกเป็นสัญลักษณ์ความยิ่งใหญ่ แถมในบางครั้ง ยังเชื่อว่ามันรักษาโรคได้ จึงเป็นเหตุผลให้ ชาวสเปนชอบเรียกหยกนี้ว่า Piedra de ijada หมายถึงหินแห่งความเจ็บปวด
ส่วนในฝั่งเอเชีย คนจีนเรียกหยกนี้ว่า “Yu” ที่หมายถึงสวรรค์ หรือองค์จักรพรรดิ และในทางประวัติศาสตร์ มีหยกมากกว่า 755 ชิ้น ที่สุสานของ Lady Fu Hao's รวมถึงในหลุมศพกษัตริย์ แห่งราชวงศ์ซาง และคนที่มีความสำคัญ ในประวัติศาสตร์ของจีน [3]
สถานที่พบ หยกพม่า และเหตุผลที่เมียนมายืนหนึ่ง
การค้นพบ หยกพม่า เกิดขึ้นในหลายที่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น รัสเซีย, อเมริกา, คาซัคสถาน, โอมาน, จีน, บราซิล, ญี่ปุ่น, อินเดีย และอีกมากมาย แต่หยกที่มีคุณภาพ Premium ทั่วโลกต้องการ และเป็นแหล่งสำคัญ มาจากประเทศเมียนมา ซึ่งมีการประมาณกันว่า หยกมากกว่า 99% ถูกส่งออกจากบริเวณนี้
ซึ่งในระหว่างปี 2559-2561 เมียนมาสามารถผลิตหยก ได้เฉลี่ยปีละ 34,000 ตัน และสินค้าส่วนมาก ถูกส่งออกไปยังแดนมังกร ทำให้ใน 1 ปี ตลาดค้าหยกของพม่า มีโอกาสทำเงินได้โดยประมาณ 6,000 พันล้านดอลลาร์ ถึง 30 พันล้านดอลลาร์ แต่ด้วยสถานการณ์ Covit-19 ทำให้การผลิต ลดลงเหลือแค่ราวๆ 8,500 ตันต่อปีเท่านั้น [4]
โดยสาเหตุที่ทำให้ หยกจากประเทศเพื่อนบ้าน จากอาเซียนของเรา ถูกยกให้เป็น No.1 และถูกเรียกชื่อตาม เนื่องจากการทำเหมืองในพม่า เป็นการขุดหยกจากบริเวณ ตะกอนลุ่มแม่น้ำ และคัดแยกแร่ด้วยคน ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ของเหมือง เป็นหินหยกเม็ดเล็กๆ ที่เหมาะแก่การทำเครื่องประดับ
คุณสมบัติเฉพาะ หยกพม่า ที่ช่างฝีมือให้คุณค่า
คุณสมบัติเฉพาะของ หยกพม่า ที่ช่างฝีมือให้คุณค่ามากสุด คือมีพื้นผิวที่เรียบ มีความเงางาม และมีเนื้อสัมผัส เกือบจะเหมือนกับขี้ผึ้ง หากนำไปส่องกล้องจุลทรรศน์ จะเห็นหยกมีโครงสร้างเส้นใย ที่มีความทนทาน ทำให้นิยมนำไปสร้างเป็น งานแกะสลัก ประติมากรรม ที่มีอายุใช้งานหลายพันปี
ศึกษาข้อมูล หยกพม่า ทางชีวภาพ
- ประเภทแร่ : ไพโรซีน
- สี : ทูโทน, ดำ, ฟ้า, น้ำตาล, เทา, เขียว, ส้ม, ชมพู, ม่วง, แดง, ขาว หรือเหลือง
- ความมันวาว : เหมือนแก้ว, Greasy
- ความโปร่งใส : กึ่งโปร่งใส, ทึบแสง
- ความแตกแยก : ไม่มี
- การแตกหัก : แตกเป็นชิ้น, เป็นเม็ด
- ระดับความแข็งของ Mohs : 6.5-7
- ความหนาแน่น : 3.25-3.40 โดยทั่วไปอยู่ที่ 3.34
- ระบบคริสตัล : Monoclinic
- ความเหนียว : แข็งแรงมาก แตกหักได้ยาก
- สูตรทางเคมี : NaAlSi₂O₆
ที่มา: General Information [5]
ประเมินราคา หยกพม่า ขายกันอยู่ที่เท่าไหร่
ในครั้งหนึ่ง หยกพม่า เคยเป็นเครื่องประดับ ที่มีราคาแพงสุดของโลก ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อ ค.ศ. 1994 บริษัท Sotheby’s จากอังกฤษ ได้จัดประมูลอัญมณี ณ ฮ่องกง โดยมีไฮไลท์คือ สร้อยคอหยกเจไดต์ หรือ Hutton-Mdivani Necklace ที่ขายโดยทายาทของ Woolworth โดยสามารถศึกษาประวัติเพิ่มเติมได้ที่ Barbara Hutton ซึ่งสร้อยมีรายละเอียดดังนี้
- เนื้อสะอาด
- สีเขียวสดใส
- ประกอบด้วยหยก 27 เม็ด
- เส้นผ่าศูนย์กลาง/เม็ด 15.40-19.20 มม.
ตั้งราคาไว้ที่ 12.80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 470,515,200 บาท โดยบริษัท Cartier เป็นผู้ชนะการประมูล พร้อมด้วยจบลงที่ราคาสูงถึง 27.44 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1,008,543,480 บาท (ณ วันที่ 15 เมษายน 2024) [6]
และช่วงเวลาปัจจุบัน แค่ในปี 2021 มีการขายหยก ทางออนไลน์ไปแล้ว มูลค่ารวมกว่า 38 พันล้านดอลลาร์ มากกว่ายอดขายโดยตรง หรือซื้อตามหน้าร้านขายอัญมณี ที่จำหน่ายได้เพียง 5 พันล้านดอลลาร์
แต่ด้วยปัจจุบัน มีการสังเคราะห์ หยกพม่า ของปลอมขึ้นมา ทำให้พบเห็นทั่วไป และมีราคาไม่สูงมาก หากเป็นหยกผ่านการเจียระไน ที่ไม่ได้มาจากเมียนมา อาจมีราคาเริ่มต้นแค่ $9 ต่อกะรัต แต่ถ้าเกรดสูงขึ้นมา อาจมีราคาตั้งแต่ $70 ถึง $400 ต่อกะรัต [7]
สรุป หยกพม่า แร่น้ำดีจากประเทศเมียนมา
หยกพม่า (Jadeite) เป็นอัญมณี ที่มีชื่อเสียงมาเนิ่นนาน ตั้งแต่สมัยโบราณ จนมาถึงยุคนี้ ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัว ทนทาน และเงางาม แถมยังถูกยกให้เป็น อัญมณีแสนเลอค่า ทั้งในเรื่องความเชื่อ งานฝีมือ รวมไปถึงด้านอำนาจ ทำให้ไม่แปลก ที่ครั้งหนึ่งหยกเจไดต์ ถึงกลายเป็นเครื่องประดับ ราคาแพงสุดในโลก
อ้างอิง
[1] Geology Science. (April 26, 2023). Geological formation. Retrieved from geologyscience
[2] IGS International Gam Society. (2024). What's the Difference Between Jadeite and Jade?. Retrieved from gemsociety
[3] Fire Mountain Gems. (2024). History. Retrieved from firemountaingems
[4] Jade Vault. (January 18, 2023). The Jadeite Market. Retrieved from jadevault
[5] Gemstones. (July, 2023). General Information. Retrieved from gemstones
[6] GIT Information Center. (December 14, 2020). บาร์บารา ฮัตตัน เศรษฐีนีผู้อาภัพ. Retrieved from infocenter
[7] Gem Rock Auctions. (2004-2024). Jadeite Price & Value. Retrieved from gemrockauctions
