ทะเลทรายวาดิรัม (Wadi Rum) ประเทศจอร์แดน หนึ่งในสถานที่สุดโด่งดัง ที่ได้ฉายาว่า “หุบเขาแห่งดวงจันทร์” ด้วยภูมิศาสตร์แปลกตา ทั้งหุบเขารูปทรงต่างๆ และหินทรายสีแดง ส่งผลให้ไม่เพียงแต่ ถูกขึ้นทะเบียนจาก UNESCO
แต่ยังเป็นที่นิยมมากๆ สำหรับถ่ายภาพยนตร์ Sci-fi ซึ่งถ้าใครอยากไปเยือน มีข้อมูลอะไรที่ต้องรู้บ้าง ในบทความนี้ เรามาพร้อมกับ ประวัติความเป็นมา ภูมิศาสตร์ กิจกรรมยอดฮิต รวมถึงวิธีการเดินทาง อ่านต่อด้านล่างได้เลย
ทำความรู้จัก ทะเลทรายวาดิรัม ณ ประเทศจอร์แดน
ทะเลทรายวาดิรัม หรือที่รู้จักในชื่อ Vally of the moon เป็นทะเลทรายกว้างใหญ่ อยู่ทางตะวันออกของอควาบา (Aqaba) เมืองนอกชายฝั่ง แห่งเดียวของจอร์แดน มีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 720 ตร.กม. และถือว่าเป็นหุบเขา ที่มีแม่น้ำใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย
โดยคนท้องถิ่นเชื่อกันว่า Wadi Rum เป็นชื่อที่มาจาก Iram of the Pillars หรือเมืองแห่งเสาหลัก และเรียกอีกอย่างว่า Irum ซึ่งในภาษาอาหรับเขียนว่า إرم ซึ่งหมายถึงเมืองที่สาบสูญ ที่ถูกกล่าวถึงในคัมภีร์อัลกุรอาน (Quran) ข้อความทางศาสนากลางของอิสลาม
ธรณีวิทยา ทะเลทรายวาดิรัม และภูมิศาสตร์
วาดิรัม มีลักษณะเป็นภูเขาสูง ทนทานต่อการกัดเซาะ ซึ่งก่อตัวมาจาก หินทรายชื่อว่า Umm Ishrin ซึ่งเป็นกลุ่มหินหนาที่สุด ในยุคพาลีโอโซอิก แยกออกจากกัน ในลักษณะที่มีตะกอนลุ่มน้ำ ทรายเอโอเลียน และเกลือ และยังมีหินทรายนูเบียน ในยุคครีเทเชียส ซึ่งเป็นรากฐานของการก่อตัวอีกด้วย
โดยพื้นที่ดังกล่าว มีจุดศูนย์กลางหุบเขา ระดับความสูงสุดคือ จาบัล อุมม์ อัด ดามี (Jabal Umm ad Dami) 6,040 ฟุต ที่สามารถมองเห็น ชายแดนซาอุดีอาระเบียจากด้านบนได้ ซึ่งห่างจากหมู่บ้านวาดิรัม ไปทางตอนใต้ราว 30 กม. และถูกพบเห็นครั้งแรกโดย Difallah Ateeg ชาวซาลาเบียเบดูอิน
นอกจากนี้ ภาพในพื้นที่ของ ทะเลทรายวาดิรัม ยังมีหุบเขาชื่อว่า Khaz'ali Canyon ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ภาพสลักหินบนฝาผนัง ที่บ่งชี้ว่า เคยมีชนเผ่าทามูดิก (Thamudic) ที่ประกอบด้วยชาวเบดูอิน เคยอาศัยอยู่ [1]
ศึกษาประวัติ ทะเลทรายวาดิรัม พร้อมการขึ้นทะเบียน
จากข้อมูลที่ยูเนสโกบันทึกไว้ พื้นที่คุ้มครองวาดิรัม มีโบราณคดียืนยัน ว่าเคยมีมนุษย์ยึดครอง เป็นเวลากว่า 12,000 ปี ไม่ว่าจะเป็น ศิลปะบนหิน 25,000 ชิ้น, คำจารึก 20,000 ชิ้น, แหล่งโบราณคดี 154 แห่ง และซากอารยธรรมอีกหลายอย่าง ทั้งถ้ำ ระบบกักเก็บน้ำ แหล่งทำการเกษตร
ซึ่งครอบคลุมทุกยุค เริ่มตั้งแต่ยุคหินใหม่ ไปจนถึงยุคนาบาเทียน และถูกบันทึกครั้งแรก โดยทหารชาวอังกฤษ ในระหว่างการปฏิวัติอาหรับ ในระหว่างปี ค.ศ. 1917-1918 หรือช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980 กระทั่งมีการค้นพบ วัดนาบาเทียนในปี 1993
และมีการก่อตั้งพื้นที่คุ้มครองวาดิรัม หรือ WRPA ขึ้นในปี ค.ศ. 1997 และต่อมาในปี 1978 ทะเลทรายวาดิรัม ถูกระบุให้เป็น เขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่มีศักยภาพ รวมถึงถูกขึ้นทะเบียนมรดกโลก เมื่อปี 2011 [2]
ทะเลทรายวาดิรัม ฉากถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 60 ปี
หนึ่งในชื่อเสียงที่ทำให้ ทะเลทรายวาดิรัม มีคนรู้จักจำนวนมาก คือการถูกใช้เป็น Location สำหรับถ่ายทำภาพยนตร์ ซึ่งแต่ละเรื่องนั้น ทำรายได้มหาศาล แถมยังได้รับรางวัล จากเวทีออสการ์อีกด้วย โดยเฉพาะหนังแนวไซไฟ แฟนตาซีนอกโลก ยกตัวอย่างเช่น
- ลอเรนซ์แห่งอาระเบีย : Lawrence of Arabia (1962)
- ดาวแดงเดือด : Red Planet (2000)
- ทรานส์ฟอร์เมอร์ส อภิมหาสงครามแค้น : Transformers: Revenge of the Fallen (2009)
- วิกฤตการณ์ดาวอังคารมรณะ : The Last Days on Mars (2013)
- เดอะ มาร์เชียน กู้ตาย 140 ล้านไมล์ : The Martian (2015)
- โร้ค วัน: ตำนานสตาร์ วอร์ส : Rogue One: A Star Wars Story (2016)
- อะลาดิน : Aladdin (ภาพยนตร์ 2019)
- สตาร์ วอร์ส: กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ : Star Wars: The Rise of Skywalker (2019)
- Dune : ดูน (2021) / Dune: Part Two : ดูนภาคสอง (2024)
- จอห์น วิค แรงกว่านรก 4 : John Wick: Chapter 4 (2023)
นอกจากนี้ ยังมีทั้งรายการซีรีส์โทรทัศน์ เกมโชว์ และสารคดีต่างๆ ที่ใช้ฉากพื้นหลัง ของทะเลทรายแห่งนี้ เป็นสถานที่ถ่ายทำ อยากใครอยากรับชมเรื่องไหน สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ IMDb มีภาพยนตร์ให้เลือกมากถึง 48 รายการ
ที่มา: Films shot in Wadi Rum and the vast desert area [3]
สถานที่เช็กอิน ทะเลทรายวาดิรัม และกิจกรรมไฮไลต์
ทุกพื้นที่ของ ทะเลทรายวาดิรัม มีทั้งสถานที่ห้ามพลาด และกิจกรรมให้ทำมากมาย ไม่ต่างจาก ทะเลทรายแบล็คร็อค (Black Rock Desert) ของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยว ที่ชอบนอนกลางดิน กินกลางทราย ใช้ชีวิตแบบชาวบ้าน กินอาหารท้องถิ่น รวมถึงผจญภัยตามจุดต่างๆ ดังเช่นรายละเอียดต่อไปนี้
แนะนำสถานที่เช็กอินยอดฮิต
- น้ำพุลอเรนซ์ : ตั้งอยู่ใกล้กับทางเข้าวาดิ Shallalah ถูกตั้งชื่อตามภาพยนตร์ ลอเรนซ์แห่งอาระเบีย
- คาซาลีแคนยอน : หุบเขาแคบทอดยาว ที่มีภาพสลักหิน และจารึกบนผนัง สามารถปีนหน้าผาเพื่อชมได้ด้วย
- จารึก Anfishiyyeh : คอลเล็กชันภาพสลักหิน Thamudic และ Nabataean พร้อมภาพคาราวานอูฐ
- บาร์ราห์แคนยอน : หุบเขาขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 5 กม. มีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก ทั้งเดินป่า, ปีนหน้าผา และขี่อูฐ
- สะพานหิน Burdah : สะพานหินจากธรรมชาติ สูงที่สุดในทะเลทราย สามารถปีนเขาได้ ความยากระดับปานกลาง
- สะพาน Um Fruth Rock : อีกหนึ่งสัญลักษณ์ สะพานโค้งความสูง 15 เมตร ที่ถูกถ่ายรูปมากสุด
- เสาหลักทั้งเจ็ดแห่งปัญญา : กลุ่มหินคล้ายเสา ที่ตั้งชื่อตามหนังชื่อดังของ TE Lawrence
ที่มา: Wadi Rum's Top Sights [4]
แนะนำกิจกรรมไฮไลต์
- นั่งรถจี๊ป : หรือรถ 4WD แบบเปิดประทุน พร้อมคนขับส่วนตัว ที่จะพาชมจุดต่างๆ ตามด้านบน
- ขึ้นบอลลูน : ชมวิวแบบพาโนรามา ใช้เวลาประมาณ 1 ถึง 2 ชั่วโมง ส่วนใหญ่ให้บริการในช่วงเช้า
- ชมพระอาทิตย์ตกดิน : โดยเฉพาะบริเวณ Um Sabatah บรรยากาศจะสวยที่สุด
- ขี่อูฐ : กิจกรรมอันดับ 1 บริการจากชาวเบดูอิน ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม. และมีอูฐกว่า 500 ตัว
- ปีนเขาและเดินสำรวจ : ผ่านไกด์นำเที่ยว ไม่แนะนำให้ไปเอง เนื่องจากมีโอกาสหลงทางสูงมาก
- ใช้ชีวิตแบบ Local : มีร้านอาหารท้องถิ่น ตั้งอยู่กลางทะเลทราย เมนูแนะนำชื่อว่า Zarb ปิ้งย่างสไตล์เบดูอิน
ที่มา: ไฮไลต์กิจกรรมทะเลทรายวาดิรัมที่ห้ามพลาด [5]
เวลาน่าเที่ยว ทะเลทรายวาดิรัม และการเดินทาง
ความมหัศจรรย์ของวาดิรัม อาจจะสวยงามสะดุดตา แต่เรื่องสภาพอากาศ ค่อนข้างรุนแรงพอสมควร แบ่งออกเป็น 4 ช่วงเวลา ได้แก่ ฤดูหนาว เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ อากาศหนาวเย็น 5-10 °C, ฤดูใบไม้ผลิ เดือนมีนาคม-เมษายน อากาศอุ่นขึ้น 20-30 °C
ฤดูร้อน เดือนพฤษภาคม-กันยายน อากาศร้อนสุดๆ เกินกว่า 35 °C หรือมากกว่านั้นในตอนกลางวัน สุดท้ายคือฤดูใบไม้ร่วง เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน อากาศช่วงนี้ถือว่า Very Good อุณหภูมิระหว่าง 20-25 °C เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งสุดๆ ส่วนการเดินทาง มีให้เลือก 3 วิธี ดังนี้
- รถยนต์ : ขับจากอัมมาน เมืองหลวงของจอร์แดน ใช้เวลาราว 4-5 ชั่วโมง ตามทางหลวงหมายเลข 15 มุ่งหน้าสู่วาดิรัมทางตอนเหนือ
- รถโดยสาร : บริการรถสาธารณะ เช่น JETT ไปลงยังอควาบา แล้วนั่งแท็กซี่ต่อไปที่วาดิรัม ใช้เวลาไม่เกิน 1-1.5 ชั่วโมง ราคา 110 นาดีร์ (10,754 บาท) นั่งได้ 4 คน ตกคนละ 2,688 บาท หรือนั่งรถบัส ราคาประมาณ 10 ดีนาร์ หรือราว 900 กว่าบาท
- ทัวร์ : ใช้บริการบริษัททัวร์ พร้อมไกด์ประจำทริป รับ-ส่งจากอัมมาน ไปยังทะเลทราย พร้อมด้วยที่พัก รวมถึงกิจกรรม
สรุป ทะเลทรายวาดิรัม
ทะเลทรายวาดิรัม แห่งดินแดนอาหรับ ถือว่าเป็น 1 ในแผนการเดินทาง ที่หลายคนประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นความงาม ความมหัศจรรย์ รวมถึงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเป็นโลเคชันชื่อดัง ที่แฟนๆ ภาพยนตร์ไซไฟ อยากไปเยือนสักครั้ง
อ้างอิง
[1] Wikipedia. (May 6, 2024). Geography. Retrieved from en.wikipedia
[2] UNESCO World Heritage Convention. (1992-2024). Wadi Rum Protected Area. Retrieved from whc.unesco
[3] Wadi Rum Desert Eyes. (2019-2024). Films shot in Wadi Rum and the vast desert area. Retrieved from wadirumdeserteyes
[4] Kimkim. (February 18, 2021). Wadi Rum's Top Sights. Retrieved from kimkim
[5] Tourist Sense. (November 28, 2022). ไฮไลต์กิจกรรมทะเลทรายวาดิรัมที่ห้ามพลาด. Retrieved from touristsense
